ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เริ่มก่อตั้งและได้เปิดสอนเป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2490 โดยสังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ขึ้นกับกระทรวงสาธารณสุข ต่อมา พ.ศ. 2502 ได้โอนมาขึ้นกับทบวงมหาวิทยาลัยแห่งรัฐ สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี และเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2510 จึงได้โอนมาขึ้นกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สังกัดทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบัน สังกัดคณะกรรมการ การอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิกาสำหรับการเริ่มต้นก่อตั้งภาควิชาอายุรศาสตร์ ได้มีการเตรียมงานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2491 แต่ที่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นงานของภาควิชาอายุรศาสตร์ในส่วนที่เป็นหน่วยงานหนึ่งของโรงเรียนแพทย์
คือเมื่อนักศึกษาแพทย์(เมื่อโอนมาสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงใช้คำเรียกเป็น “นิสิตแพทย์” ) ขึ้นมาปฏิบัติงานทางคลินิก ณ ฝ่ายอายุรศาสตร์ (ในสมัยนั้นเรียกว่า แผนกอายุรกรรม) เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2493 ขณะนั้นมี พอ.หลวงประกิตเวชศักดิ์ เป็นหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์เป็นท่านแรก และมีอาจารย์ที่สังกัดคณะแพทยศาสตร์เพียง 3 ท่าน คือ พ.ต.นพ. ทวี ตุมราศวิน นพ.บุญเลี้ยง ตามไท และ นพ.ประญัติ ลักษณะพุกก์ ร่วมกับแพทย์ ประจำของสภากาชาดไทยเป็นอาจารย์พิเศษ ช่วยกันทั้งด้านการรักษาพยาบาล และการสอนนิสิตแพทย์
ต่อมาเพื่อให้เกิดความสะดวกในการทำงานร่วมกันจึงแต่งตั้งให้อาจารย์แพทย์ที่สังกัดคณะแพทยศาสตร์ เป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สังกัดสภากาชาดไทยด้วย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2495 จึงมีแพทย์ที่สำเร็จจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นรุ่นแรกและบรรจุเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในภาควิชาอายุรศาสตร์หนึ่งท่าน คือ รองศาสตราจารย์นายแพทย์ยาใจ ณ สงขลา ทำงานในระบบวิชาโรคทางการหายใจนับเป็นยุคเริ่มต้น ในการบุกเบิกหน่วยงานของภาควิชาอายุรศาสตร์
แพทย์ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีรายนาม ดังนี้
ด้านการเรียนการสอนในระยะเริ่มแรก นอกจากมีอาจารย์ของคณะแพทยศาสตร์ และแพทย์ของสภากาชาดไทยร่วมกันสอนแล้ว ได้มีการเชิญอาจารย์แพทย์จากสถาบันอื่น และแพทย์ชาวต่างประเทศมาช่วยสอนให้กับนิสิตแพทย์ แพทย์ฝึกหัด (Intern) และแพทย์ประจำบ้าน (Resident) การจัดการเรียนการสอนมีทั้งการบรรยาย (Lecture), การสอนข้างเตียง (Ward round) รูปแบบการจัดการเรียนการสอนได้ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์และความเหมาะสม จนกระทั่ง ในปัจจุบันมีนิสิตแพทย์ชั้นปีที่ 4, 5 และ 6 ขึ้นเรียนบรรยายและฝึกปฏิบัติการ จำนวนชั้นปีละประมาณ 200 คน/ปี
ในปีการศึกษา 2515 ได้เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตทางวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก สาขาวิชาอายุรศาสตร์ ระยะเวลาการศึกษา 1 ปี ให้แพทย์ประจำบ้านชั้นปีที่ 1 เพื่อลงทะเบียนเรียน และเมื่อฝึกอบรมในหลักสูตรแพทย์ประจำบ้านครบ 3 ปีแล้ว แพทย์ประจำบ้านจะมีสิทธิ์สมัครสอบเพื่อขอรับวุฒิบัตรความรู้ความชำนาญวิชาชีพเวชกรรม สาขาอายุรศาสตร์ สาขาประสาทวิทยา สาขาอายุรศาสตร์โรคเลือด และสาขาตจวิทยา จากแพทยสภา ปัจจุบันมีแพทย์ประจำบ้านที่เข้าฝึกอบรมสาขาอายุรศาสตร์ ณ ภาควิชาอายุรศาสตร์ ประมาณปีละ 52 คน
ในปี พ.ศ. 2525 ภาควิชาอายุรศาสตร์ ได้เริ่มให้มีการประชุมวิชาการ เพื่อเผยแพร่ความรู้ใหม่ๆ ในวงการแพทย์ ซึ่งมีการพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้อายุรแพทย์ แพทย์เวชปฏิบัติ ที่ไม่สามารถเข้ารับการฝึกอบรมต่อเนื่องได้รับการถ่ายทอดความรู้ที่ทันยุคทันสมัย และมีโอกาสซักถามปัญหาจากอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่าง ๆ ของภาควิชาอายุรศาสตร์ โดยจัดการอบรมอายุรศาสตร์ระยะสั้น เป็นระยะเวลา 5 วัน ในกลางเดือนสิงหาคม และดำเนินการเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ นอกจากนั้นภาควิชาอายุรศาสตร์ ได้ยังมีการส่งเสริมการจัดการประชุมวิชาการ ประชุมเชิงปฏิบัติการ ของสาขาต่างๆในอายุรศาสตร์ทุกปี นับว่าเป็นการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการที่ได้รับความสนใจจากแพทย์ทั่วไปเป็นอย่างมาก
ในปีการศึกษา 2529 ภาควิชาอายุรศาสตร์ ได้เปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต (สาขาวิชาอายุรศาสตร์)และหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต (สาขาวิชาอายุรศาสตร์) ขึ้น หลักสูตรฯ ทั้งสองนี้จัดขึ้นเพื่อเสริมการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอด แพทย์ที่ผ่านการอบรมครบ 2 ปี จะสมัครสอบเพื่อรับวุฒิบัตรความรู้ความชำนาญวิชาชีพเวชกรรม สาขาวิชาอายุรศาสตร์ต่อยอด (Sub-Specialty Board) จากแพทยสภา ปัจจุบันมีผู้เข้าศึกษาในหลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต ประมาณ 25-33 คนต่อปี และหลักสูตรวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต ประมาณ 1 คนต่อปี
ในปี พ.ศ. 2543 ได้ดำเนินการรวมแพทย์ประจำบ้านอายุรศาสตร์ทั่วไป 24 ตำแหน่ง แพทย์ประจำบ้านโครงการร่วม จุฬาฯ-ชลบุรี 8 ตำแหน่ง โครงการร่วม จุฬาฯ-จันทบุรี 4 ตำแหน่ง รวมเป็น 36 ตำแหน่ง ให้เป็นหลักสูตรเดียวกัน โดยจัดให้เข้ารับการฝึกอบรม ณ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเวลา 10 เดือน และไปฝึกอบรม ณ จันทบุรี ชลบุรี อีก 2 เดือน ในปีที่ 1 และ 3 ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการฝึกอบรมของโครงการร่วมให้มีประสิทธิภาพและได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นผลให้ตำแหน่งโครงการร่วม ซึ่งแต่เดิม มี ผู้สมัครฝึกอบรมน้อย มีผู้เข้าฝึกอบรมเต็มทุกปี และเพิ่มเป็นทั้งหมด 43 ตำแหน่ง ในปีการศึกษา 2548
ปีการศึกษา พ.ศ. 2545 ได้เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตทางการแพทย์คลินิกชั้นสูง สาขาอายุรศาสตร์ ประสาทวิทยา โลหิตวิทยา ตจวิทยา เพื่อครอบคลุมการเรียนการสอนของแพทย์ประจำบ้านในปี พ.ศ. 2545 ได้ปรับปรุงการเรียนการสอน นิสิตแพทย์ปีที่4 และปีที่ 5 ให้มีภาคปฏิบัติมากขึ้น ลดชั่วโมงการบรรยายลง ปรับปรุงหลักสูตร เนื้อหาวิชาและให้มีการปฏิบัติงานร่วมกับแพทย์ประจำบ้านมากขึ้น ปรับสัดส่วนนิสิตต่ออาจารย์ที่สอนให้มีจำนวน นิสิต ต่ออาจารย์น้อยลง มีการเรียนการสอน แบบผู้ป่วยนอกมากขึ้น และมีการประเมินนิสิตอย่างต่อเนื่อง
ในปี พ.ศ.2545 ได้จัดอบรมวิชาการระยะสั้น เพิ่มเป็น 2 ครั้ง โดยในเดือนมิถุนายน ได้จัดร่วมกับการประชุมประจำปีของคณะแพทยศาสตร์ ในในกลางเดือนสิงหาคม เป็นการอบรมวิชาการของภาควิชาอายุรศาสตร์
ในปี พ.ศ.2548 ได้เปิดการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอดสาขาโรคลมชัก สาขาโรคหลอดเลือดสมองฯ ซึ่งเป็นสาขาต่อยอด ของสาขาวิชาประสาทวิทยา เพื่อรับประกาศนียบัตรของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์
ในปี พ.ศ.2551ได้เปิดการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้านต่อยอดสาขาย่อยโรคความเคลื่อนไหวผิดปกติ ของสาขาประสาทวิทยา เพื่อรับประกาศนียบัตรของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ด้านการบริหารจัดการภายในภาควิชาอายุรศาสตร์ ในระยะแรกแบ่งเป็นระบบใหญ่เพื่อให้เกิดความสะดวกในด้านการรักษาพยาบาล และการสอนนิสิต โดยแบ่งออกเป็น โรคหัวใจ โรคผิวหนัง โรคทางเดินหายใจ โรคทางประสาทวิทยา โรคทางอายุรศาสตร์เขตร้อน โรคต่อมไร้ท่อ และโรคทางโลหิต สำหรับโรคที่ยังไม่ได้แบ่งเป็นระบบจะร่วมอยู่ในโรคอายุรศาสตร์ทั่วไป
ภาควิชาอายุรศาสตร์ได้ปรับปรุงหลักสูตร อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เหมาะสมกับการพัฒนาทางการแพทย์ ความก้าวหน้าทางการวิจัย รวมทั้งการเปลี่ยนทางด้านสังคม และวิธีการเรียนการสอนที่เน้นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรในปี พ.ศ. 2538 , พ.ศ.2542 และปรับปรุงหลักสูตร ให้สอดคล้องกับหลักสูตรคณะ ที่มีการเปลี่ยนแปลงในปี พ.ศ. 2545
ในปี พ.ศ.2546 ได้เริ่มปรับการเรียนการสอนจากเดิม ที่มีการสอนในแง่ลึก ของสาขาวิชาต่างๆ ให้เริ่มมีการเรียนการสอนในด้านกว้างเพิ่มเติมขึ้นได้แก่ เวชศาสตร์ฉุกเฉิน(Emergency Medicine) เวชศาสตร์ผู้ป่วยนอก( Ambulatory Medicine) , เวชศาสตร์การปรึกษาทางอายุรศาสตร์ระหว่างภาควิชา( Interdepartment Consultation Medicine )
ในปี พ.ศ.2548 ได้รวมเอาสาขาเวชศาสตร์ผู้ป่วยนอก และสาขาเวชศาสตร์การปรึกษาทางอายุรศาสตร์เข้าไว้ด้วยกัน เป็นสาขาอายุรศาสตร์ปริหัตถการและผู้ป่วยนอก (Perioperative and Ambulatory)
ในปี พ.ศ.2549 ได้เปิดเพิ่มอีกหนึ่งสาขาวิชาได้แก่สาขา เวชศาสตร์พันธุกรรม (Genetic)
ในปี พ.ศ.2560 ได้เปิดเพิ่มอีกหนึ่งสาขาวิชาได้แก่สาขา อายุรศาสตร์ทั่วไป (General Medicine) และ ในปี 2564 ได้เปิดเพิ่มอีกหนึ่งสาขาวิชาได้แก่ สาขาอายุรศาสตร์เวชบำบัดวิกฤติ( Critical Care Medicine )
จนกระทั่งถึงในปัจจุบันนี้ ได้มีการแบ่งหน่วยงานย่อยโดยเรียกเป็น “สาขาวิชา” ภายในภาควิชาอายุรศาสตร์ จำแนกออกเป็น 21 สาขาวิชา ดังนี้